Digital Transformation คืออะไร?

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)
     คือ การนำ เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน การให้บริการ และรูปแบบธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้าการเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่แค่การนำ “คอมพิวเตอร์” หรือ “แอป” มาใช้เท่านั้น แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจ

ประโยชน์ของการเปลี่ยนผ่าน

ขยายตลาดและช่องทางการขาย

ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ใช้ระบบช่วยทำงานอัตโนมัติ ทำให้พนักงานมีเวลาทำงาน  เชิงกลยุทธ์มากขึ้น

ลดต้นทุนในระยะยาว

เทคโนโลยีช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น กระดาษ ค่าพนักงานซ้ำซ้อน หรือข้อผิดพลาดในการทำงาน

ตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำ

ระบบออนไลน์ช่วยให้ลูกค้าติดต่อได้สะดวก รับบริการได้เร็ว และติดตามสถานะได้ด้วยตนเอง

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

เข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ e-Commerce, Social Media, Marketplace

สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

      ธุรกิจที่มีข้อมูลและใช้เทคโนโลยีได้ดี จะสามารถวิเคราะห์ตลาด และปรับตัวได้เร็วกว่าคู่แข่ง

รองรับการเติบโตในอนาคต

ระบบดิจิทัลสามารถขยายได้ตามขนาดธุรกิจ และพร้อมเชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่น ๆ ได้ง่าย

ตัวอย่างการเปลี่ยนผ่านของ SME ไทย

แนวทางปฏิบัติ

     เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของ SME เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

1. เริ่มจากเป้าหมายทางธุรกิจ ไม่ใช่เทคโนโลยี

     อย่าลงทุนเพราะ “เทรนด์” แต่เพราะมันช่วยธุรกิจได้จริง

  • ก่อนจะเลือกใช้เทคโนโลยีใด ๆ ให้ตั้งคำถามว่า “มันช่วยให้ธุรกิจดีขึ้นอย่างไร?” เช่น เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน หรือเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
  • ตัวเทคโนโลยีเป็นแค่ “เครื่องมือ” เป้าหมายที่แท้จริงคือ “ผลลัพธ์ทางธุรกิจ”

2. เริ่มเล็ก ค่อย ๆ ขยาย

     ลองใช้กับแผนกหนึ่งก่อน แล้วขยายไปทั้งองค์กร

  • การทดลองในขนาดเล็กช่วยลดความเสี่ยง และทำให้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
  • เมื่อเห็นผลแล้วค่อยขยายไปยังส่วนอื่น ๆ จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

3. อบรมทีมงานให้พร้อม

     ให้ความรู้และฝึกทักษะใหม่กับพนักงาน

  • ความเข้าใจของพนักงานคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
  • ควรมีการจัดอบรม ฝึกใช้ระบบใหม่ และเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนวทางพัฒนา

4. เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับขนาดธุรกิจ

     ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องตรงกับปัญหา

  • SME ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ใหญ่หรือราคาแพง
  • ควรเลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์เฉพาะ เช่น ระบบบัญชีออนไลน์ โปรแกรมจัดการสต๊อก หรือระบบ CRM ขนาดเล็ก

5. วัดผลและปรับปรุงต่อเนื่อง

     ตรวจสอบผลลัพธ์และปรับแผนตามข้อมูลที่ได้

  • หลังการใช้งานควรมีการเก็บข้อมูล เช่น ระยะเวลาในการทำงาน ความพึงพอใจของลูกค้า ยอดขาย ฯลฯ
  • ใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับปรุงหรือขยายระบบต่อไป

Scroll to Top